วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บรั่นดี

แต่กับบรั่นดีกลับเป็นเครื่องดื่มชนิดที่ดอสโตเยฟสกีนำมาตั้งเป็นชื่อบท ตอนหนึ่งของคารามาซอฟ ที่มีชื่อว่า ‘เหนือบรั่นดี’ ที่ฟีโอดอร์ พาโลวิชเปรมปรีดิ์กับการดื่มบรั่นดีมากจนเกินงาม  อย่างในตอนหนึ่งที่อเล็กไซลูกชายคนเล็กของคารามาซอฟเดินเข้ามาในห้องของ ดิมิตรีแล้วมองเห็นขวดบรั่นดีและแก้วไวน์วางอยู่บนโต๊ะ คืนก่อนหน้าการฆาตกรรม ดิมิตรีก็พูดขึ้นมาว่า “บรั่นดีนั่น (…) พี่รู้นะว่าแกมองมันยังไง ‘ไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าอีกแล้ว’ (…) แต่พี่ไม่ได้ดื่ม พี่กำลัง ‘จมปลัก’ แบบเดียวกับหมู”
ดิมิตรีไม่ได้ดื่มวอดกา ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มเหล้าที่เป็นเครื่องหมายของความเป็นรัสเซียเหมือน อย่างที่เราคาดคิด หากเป็นเครื่องดื่มประจำภาคพื้นยุโรป หรือว่าไปแล้วก็เป็นการเมาด้วยเครื่องดื่มที่เป็นฝรั่งเศสมากๆ
เช่นในอีกฉากหนึ่งที่อเล็กไซคนเดิมเดินเข้ามาในห้องที่มีอิวานพี่คนรอง นั่งจิบกาแฟ และพ่อฟีโอดอร์ พาฟโลวิชนั่งรับประทานของหวานกับเหล้าบรั่นดี ฟีโอดอร์ พาฟโลวิชพูดกับอเล็กไซว่า “มานั่งดื่มด้วยกันสิ ถึงจะเป็นกาแฟสำหรับมื้อกลางวัน แต่มันก็ร้อนและรสชาติดี พ่อคงไม่ให้แก่ดื่มบรั่นดี เพราะแกถือศีล แต่ถ้าแกอย่างจะดื่มละก็? มีเหล้าชนิดอื่นที่ขึ้นชื่อของเราด้วยนะ”
‘เหล้าอื่นที่ขึ้นชื่อของเรา’ หมายถึงวอดกาใช่หรือไม่ ? หากทำไมดอสโตเยฟสกีจึงละเว้นที่จะกล่าวถึง เราอาจวิเคราะห์ไปได้ด้วยเช่นกันว่า วอดกาเป็นเหล้าของชาวนาหรือชนชั้นแรงงาน ถึงมันจะเป็นเหล้าเหมือนๆ กันแต่มันก็สร้างภาพพจน์หรือให้อรรถาธิบายเกี่ยวกับตัวผู้ดื่มแตกต่างกัน
ซึ่งคงไม่ผิดนักหากจะพูดว่า ‘บรั่นดี’ คือความเป็นฝรั่งเศส (หรือศูนย์กลางของยุโรปตะวันตก) ในรัสเซีย เหมือนเช่นที่ดอสโตเยฟสกีมักจะแสดงให้เห็นว่าศัพท์แสงในภาษารัสเซียมากมาย เป็นคำที่หยิบยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสแทบทั้งสิ้น
แต่หากถ้าเรามองในอีกแง่หนึ่ง ‘บรั่นดี’ ที่เป็นเครื่องดื่มที่ปรากฏอยู่ในหลายฉากหลายตอนแท้จริงแล้วก็คือสัญลักษณ์ ของตัณหาและราคะที่ซึมซาบอยู่ในตระกูลคารามาซอฟ และการดื่มกินบรั่นดีของดีมิตรี หรือแม้แต่อีวานในตอนหลังก็คือการร่วมสานต่อความสัมพันธ์ของไฟราคะทางสาย เลือดที่มีอยู่อย่างเข้มขันในตัวของฟีโอดอร์ พาฟโลวิช คารามาซอฟ
ที่น่าคิดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ รากศัพท์ของคำว่า บรั่นดี หรือ brandy มาจากคำในภาษาดัชท์คำว่า brandewijn ซึ่งแปลว่า ‘ไวน์ที่กำลังไหม้’ ซึ่งดอสโตเยฟสกีคงใช้เครื่องดื่มชนิดนี้เพื่อสื่อถึงภาวะของดังกล่าวด้วย ความจงใจ

อัพเดตโดย : กองบรรณาธิการ
คุณภาพของบรั่นดี นั่นก็จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของเหล้าองุ่นที่ นำมากลั่นนั่นเองค่ะ เนื่องด้วยกรรมวิธีที่ใช้ในการกลั่น และที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ การเลือกชนิดไม้ที่จะใช้ทำถังที่ใช้หมักหรือบ่ม เพื่อที่จะเก็บบ่มบรั่นดี และหลังจากกลั่นแล้ว ซึ่งในการเก็บและบ่มสุราไว้ในถังไม้ที่เหมาะสมและที่เป็นเวลานานปีนั้น ก็จะเป็นการทำลายสารพิษต่างๆ อย่างเช่น fusel oils ซึ่งก็จะเกิดขึ้นในระหว่างกรรมวิธีในการผลิตและเจือปนอยู่ในสุราให้หมดไปอีก เช่นเดียวกันด้วย
บรั่นดีที่นิยมกันว่าเป็นชนิดที่ดีที่สุด คือ บรั่นดีที่มีการผลิตมาจากเมืองคอนยัก และเมืองอาร์มายัง ประเทศฝรั่งเศส และได้เรียกชื่อบรั่นดีนี้ตามชื่อเมือง บรั่นดีทั้ง 2 ชนิด และซึ่งผู้ผลิตจะเก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กและซึ่งจะมีการเก็บไว้เป็นเวลาหลายๆ ปี เพราะจะส่งผลให้สารแทนนินส์ ที่มีอยู่ในเนื้อไม้นั้น ซึ่งจะละลายลงไปในบรั่นดี และจะทำให้มีสีเหลืองอำพัน นอกจากนั้นยังจะทำให้มีกลิ่นหอม สำหรับบรั่นดีที่มีคุณภาพต่ำนั้น ผู้ผลิตอาจจะเติมสารคาโรเมล ลงไปเพื่อที่จะทำให้บรั่นดีมีสีเหลือง และเติมวานิลลาลงไปเพื่อที่จะเป็นการปรุงกลิ่น สำหรับบรั่นดีที่เก็บและบ่มไว้ในถังไม้โอ๊ก ซึ่งการฉาบผิวด้วยขี้ผึ้งพาราฟิน หรือเก็บและบ่มไว้ในภาชนะดินเผาจะมีลักษณะใสและนอกจากนั้นยังไม่มีสีอีกด้วยค่ะ
บรั่นดีและสุราชนิดอื่นๆ นั้นเมื่อมีการบรรจุขวดแล้ว ไม่ว่าจะเก็บไว้นานแค่ไหน ก็จะไม่มีผลที่จะทำให้คุณภาพดีขึ้นไปกว่าก่อนที่จะบรรจุขวด
ขอขอบคุณบทความดีดีจาก lib.ru.ac.th
ผมร่วงเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ กรรมพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สำหรับคนที่ผมร่วงไม่มาก อาจลองใช้สูตรหมักผมแบบออแกนิคในการแก้ปัญหา

สูตรนี้ใช้บรั่นดีเป็น ส่วนประกอบ เพราะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณรากผม แต่บรั่นดีมีแอลกอฮอล์ทำให้ผมแห้งจึงต้องเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยไข่และน้ำมัน มะกอก สามารถใช้บรั่นดีชนิดใดก็ได้ แต่บรั่นดีที่คุณภาพต่ำเกินไปจะเปรี้ยวและทำให้ไข่เป็นข้นแข็ง จึงควรใช้บรั่นดีที่คุณภาพดีสักหน่อย แต่อาจเลือกขวดเล็กๆ ที่ราคาไม่สูง

ส่วนผสมได้แก่ ไข่แดง 2 ฟอง น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งและบรั่นดีอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธี ทำ ให้คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ลูบไล้ให้ทั่วผมเปียก คลุมทับด้วยผ้าขนหนูแห้งและใช้พลาสติคคลุมอีกชั้นเพื่อเก็บความร้อนบนหนัง ศีรษะ หมักทิ้งไว้ 30 นาทีขึ้นไปแต่ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดและปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผม

ทำอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยเร่งให้ผมขึ้นเร็วขึ้นและลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้.





ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น